5 ที่เที่ยวใหม่สุดอันซีนของ “ภาคใต้” ประเทศไทย แคมเปญ “Unseen New Chapters: Pinning a new Corners” แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่ไม่เคยเห็นในภาคใต้ของประเทศไทย เปิดมุมใหม่ของประเทศไทย” เขียนโดย ททท.

ภาคใต้ของประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติหรือวัฒนธรรมที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณยังเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศไทยและได้รับนักท่องเที่ยวต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาเป็นจำนวนมาก

จุดเด่นของภาคใต้คือพื้นที่ที่ล้อมรอบด้วยอ่าวไทยและทะเลอันดามันทั้งสองด้าน มีเกาะมากมายที่ได้ชื่อว่าเป็นจุดหมายปลายทางริมทะเลที่สวยที่สุดในโลก ไม่รวมถึงความหลากหลายของธรรมชาติของป่าไม้ แหล่งท่องเที่ยวชุมชนที่สวยงามที่มีประวัติยาวนาน

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงได้คัดเลือกสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ในภาคใต้ ที่จะร่วมสร้างประสบการณ์ใหม่ไม่ซ้ำใครกับแคมเปญ “Unseen New Chapters ปักหมุดมุมใหม่” เปิดอีกมุมหนึ่ง” พร้อมเปิดมุมมองและไฮไลท์ใหม่ๆ ผ่านเพลง และมิวสิควิดีโอสถานที่ท่องเที่ยว สนใจ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

5 ที่เที่ยวใหม่สุดอันซีนของ “ภาคใต้” ประเทศไทย

อุทยานธรรมเขานาในหลวง เป็นสำนักสงฆ์ที่สร้างขึ้นด้วยพลังศรัทธาของชาวบ้าน สถานที่แห่งนี้เป็นที่รู้จักจากความวิจิตรของประตูพุทธวดี หรือซุ้มประตูแห่งกาลเวลา ถือเป็นไฮไลต์อันแสนงดงามยามเมื่อแสงเช้าตกกระทบ ก่อนจะต่อยอดพลังศรัทธา ด้วยการสร้างเจดีย์ร้อยยอดพันองค์ เจดีย์ลอยฟ้าพุทธศิลาวดี เจดีย์ลอยฟ้าพุทธราชาวดี ทำให้ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้เป็นเหมือนสวรรค์บนดิน โดยเฉพาะยามทะเลหมอกที่สวยงามอย่างมาก และเจดีย์แต่ละองค์จะดูคล้ายกับลอยอยู่บนก้อนเมฆ เป็นภาพอุทยานธรรมลอยฟ้าที่ดูตื่นตา และน่าอัศจรรย์ใจ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาชมความมหัศจรรย์ได้ตลอดทั้งปี

หมู่เกาะกำ อ.กะเปอร์ จ.ระนอง

หมู่เกาะกำ ประกอบด้วย เกาะกำตก หรือ อ่าวเขาควาย มีเอกลักษณ์ของเกาะที่โค้งมาติดกันเป็นรูปวงกลมตามแนวเหนือ-ใต้ ชายหาดที่ขาวสะอาด เนื้อทรายเนียนละเอียด น้ำทะเลโดยรอบเกาะเป็นสีฟ้าใส สามารถเล่นน้ำได้

เกาะค้างคาว เป็นแหล่งอาศัยของค้างคาวแม่ไก่ที่เคยอาศัยอยู่นับพันตัวในแต่ก่อน บริเวณหน้าเกาะมีหาดทรายสีขาวละเอียดและนุ่ม พร้อมกับน้ำทะเลใสมองเห็นโขดหินและปะการังใต้น้ำได้แบบชัดเจน รอบๆ เกาะสามารถดำน้ำชมปะการังได้ทั้งแบบน้ำตื้นและน้ำลึก

เกาะญี่ปุ่น มีประวัติ คือ เมื่อก่อนเคยมีชาวญี่ปุ่นมาเลี้ยงหอยมุก บางคนก็บอกว่าที่นี่เป็นที่ประกอบอาหารส่งเสบียงให้แก่ทหารญี่ปุ่นในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 สภาพพื้นที่มีภูเขาเล็กๆ ด้านหน้าเกาะเป็นแนวชายหาด หาดทรายมีสีขาวละเอียด บริเวณรอบเกาะสามารถดำน้ำชมปะการัง มีปลาการ์ตูนนีโม่และปลาสวยงามอย่างอื่นมากมาย

3 เกาะรวมกันเรียกว่า “หมู่เกาะหลงยุค” อาจด้วยการที่หมู่เกาะแห่งนี้ยังคงความเป็นธรรมชาติดั้งเดิมไว้ เพราะแม้แต่ชาวบ้านเองก็ยังคงเลือกใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติแถบนี้แบบเดิมๆ และนี่คือเหตุผลที่ทำให้หมู่เกาะกำมีความสงบเงียบ แถมยังพร้อมเพียบด้วยธรรมชาติอันสวยงามและอุดมสมบูรณ์ชนิดเกาะอื่นเลียนแบบได้ยาก เป็นหมู่เกาะที่ไม่หมุนไปตามกาลเวลา ซึ่งรอการเดินทางมาพิสูจน์ความหลงยุคด้วยตัวคุณเอง สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ในช่วงวันที่ 16 ตุลาคม-15 พฤษภาคม ของทุกปี

รอยพระพุทธบาทในทะเล สำนักสงฆ์เกาะแก้วพิสดาร อ.เมือง จ.ภูเก็ต

รอยพระพุทธบาทบนทะเล แห่งนี้ เป็นรอยพระพุทธบาท รอยที่ 5 ‘นัมมทานที’ ซึ่งถือเป็น 1 ใน 5 รอยพระพุทธบาทที่ได้รับความศรัทธาเชื่อมั่นจากพุทธศาสนิกชนทั่วโลก ตั้งอยู่ที่สำนักสงฆ์เกาะแก้วพิสดาร โดยช่วงเวลาน้ำทะเลขึ้นสูง จะไม่สามารถเห็นรอยพระพุทธบาท แต่เมื่อน้ำทะเลลดลงจะสามารถมองเห็นรอยพระพุทธบาทได้อย่างชัดเจน สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี (ยกเว้นช่วงมรสุม)

หินพับผ้า อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช

หินพับผ้า ผาหินรูปร่างแปลกตาที่พบเห็นได้บริเวณกลางทะเลขนอม เป็นปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาที่มีอยู่เพียงน้อยแห่งบนโลกใบนี้ มีลักษณะเป็นแผ่นหินซ้อนเรียงกันเป็นชั้นๆ ซึ่งแต่ละจุดจะดูสวยงามแตกต่างกันตามแต่จะจินตนาการ โดยชาวต่างชาติเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า ‘Pancake Rock’ ส่วนคนไทยรู้จักกันในชื่อ ‘หินพับผ้า’ เพราะดูคล้ายกับผ้าที่พับซ้อนกันเป็นชั้นๆ เป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติเมืองคอน ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือจากชุมชนแหลมประทับ เพื่อมาเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติแห่งนี้ได้ตลอดวัน สามารถเดินทางมาชมชั้นหินได้ตลอดทั้งปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ ลม ฟ้า และอากาศ แต่ช่วงที่แนะนำ คือ เดือนมกราคม-เมษายน

เกาะตะรุเตา อ.เมือง จ.สตูล

ตะรุเตา เกาะที่เต็มไปด้วยตำนานและคำบอกเล่า ทั้งขุมสมบัติ ถ้ำลับ โจรสลัด สัตว์ร้าย หรือแม้กระทั่งต้นไม้มีพิษ แต่ในคำบอกเล่าสุดแฟนตาซี ถือว่ายังมีเค้าโครงจากเรื่องจริง ด้วยเป็นเกาะขนาดใหญ่ที่มีภูมิประเทศหลากหลาย แถมยังเงียบสงบ จึงไม่แปลกหากตะรุเตาจะเต็มไปด้วยพืชพรรณแปลกๆ รวมถึงสัตว์หายาก และหากใครชอบศึกษาประวัติศาสตร์ จะรู้ว่านอกจากธรรมชาติและชายหาดสวยๆ แล้ว บนเกาะแห่งนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์มากมาย โดยเฉพาะสถานกักกันตัวนักโทษ ซึ่งท้ายสุดแล้วกลายเป็นที่มาของตำนาน “โจรสลัดแห่งตะรุเตา” เรื่องเล่าที่ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์และนวนิยายมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ช่วงเวลาที่เกาะตะรุเตาเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาผจญภัย คือ เดือนตุลาคม-เดือนพฤษภาคมของทุกปี